เฟสเขียว Facebook Business Manager หรือบัญชีประชาสัมพันธ์ระดับธุรกิจหมายถึงอุปกรณ์ที่เป็นตัวช่วยจัดแจงธุรกิจ ซึ่งช่วยทำให้ผู้ลงประชาสัมพันธ์สามารถจัดแจงธุรกิจด้านการตลาดได้ในที่เดียว แล้วก็แบ่งปันสิทธิ์การเข้าถึงทรัพย์สินต่างๆให้แก่กลุ่มเอเจนซี่ พาร์ทเนอร์ รวมทั้งผู้แทนจำหน่ายได้
เพราะเหตุใดถึงควรจะสร้างประชาสัมพันธ์ผ่าน Facebook Business Manager
ในตอนเริ่มสร้างร้านรวงบนเพจเฟซบุ๊ก (Facebook Page) ร้านโดยมากมักอาศัยบัญชีประชาสัมพันธ์ส่วนตัวสำหรับการสร้างแคมเปญ (campaign) และก็ยิงประชาสัมพันธ์ แม้กระนั้นการใช้บัญชีโปรโมทส่วนตัวมีความจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถที่จะเข้าถึงบางความรู้ความเข้าใจหรือฟีพบร์ (feature) ได้ ดังเช่นการกำหนดกรุ๊ปผู้ชมประชาสัมพันธ์จุดหมาย ในตอนที่บัญชีประชาสัมพันธ์ระดับธุรกิจมีคำบัญชาพิเศษในการทำธุรกิจโดยยิ่งไปกว่านั้น ได้แก่ การเพิ่มผู้ดูแลหรือแอดไม่น (admin) เพิ่มบริษัทตัวแทนหรือเอเจ็นซี่ (agency) และก็การเพิ่มบริษัทหน่วยงานข้างนอกเพื่อสบายต่อการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านนอกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้าง custom audience หรือ look-a-like audience ในการโปรโมทได้โดยง่าย ก็เลยจะช่วยทำให้ผู้ดูแลที่มีหลายร้านรวงไหมได้สร้างรวมทั้งยิงประชาสัมพันธ์เองสามารถบริหารจัดแจงร้านรวงหลายร้านค้าในที่เดียว
ร้านขายของสามารถใช้ Facebook Business Manager ทำสิ่งต่างๆได้ดังต่อไปนี้
สร้างแล้วก็จัดแจงทรัพย์สินหลายรายการ อย่างเช่น บัญชีเฟซบุ๊กเพจ บัญชี Instagram (IG) บัญชี WhatsApp รายการกลุ่มเป้าหมาย หรือแค็ตตาล็อก (catalog) ผลิตภัณฑ์ทั้งผองในที่เดียว
ควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงรวมทั้งสิทธิ์การอนุญาตของผู้ใช้ สำหรับทุกคนหรือแอดไม่น (admin) ในร้านที่รับผิดชอบหรือจัดการบัญชีประชาสัมพันธ์ เพจ รวมทั้งแอปพลิเคชันของร้านรวง รวมทั้งคงจะรักษาสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในทุกทรัพย์สินของร้าน
ติดตามโปรโมทของร้านรวงตั้งค่าไว้ อีกทั้งบน Facebook และก็ Instagram ได้อย่างมีคุณภาพเพิ่มขึ้น ด้วยภาพรวมที่มองง่ายแล้วก็มุมมองเนื้อหาเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านประชาสัมพันธ์รวมทั้งความตรึงใจ (impression)
คนจำนวนมากเลือกคลิกเว็บชั้นที่เท่าใด?
จากการสำรวจของเว็บ Highervisibility พบว่า ผู้เสิร์ชจะเลือกคลิกเว็บที่อยู่ในหน้าแรกสูงถึง 95% เลือกคลิกเว็บไซต์ที่อยู่อันดับต้นๆถึง 32% ชั้นสอง 16% รวมทั้งชั้นสาม 10% ไล่ลงมาเป็นลำดับ เว็บที่อยู่หน้า 2 มีคนคลิกเฉลี่ยอยู่ที่ 1% ถ้าหากคุณคิดจะทำ SEO วัตถุประสงค์ควรจะเป็นหน้าแรกของ Google นั้น! คนใดกันแน่ไม่ทำนับว่าพลาด!
เฟสเขียว Keyword แบบไหนที่เหมาะสมกับเว็บของพวกเรา
สิ่งจำเป็นที่สุดก่อนเริ่มทำ SEOเป็นการเลือก Keyword ที่ใช่ให้กับเว็บของพวกเรา ถ้าเกิดพวกเราเริ่มทำ SEO ด้วย Keyword ที่ไม่ถูก เฟสเขียว ไม่ตอบปัญหาการค้นหาของคนเสิร์ช ก็ยากที่เว็บของคุณจะมีคนเข้ามาดู รวมทั้งติดอันดับบน Google
แล้วพวกเราจะทราบได้ยังไงว่า Keyword แบบไหนที่เหมาะสมกับเว็บของพวกเรา ไปดูกัน!
1. Keyword จะต้องเกี่ยวโยงกับเว็บ หรือธุรกิจ
- คุณอาจใช้เป็นชนิดของผลิตภัณฑ์ ปัญหาของลูกค้า หรือบริการที่ตอบปัญหาลูกค้ามาใช้เป็น Keyword ได้แก่
- ผลิตภัณฑ์ “เสื้อหนาว” นอกเหนือจากที่จะใช้คำกว้างๆคุณสามารถใช้คำร่วมเพื่อ Keyword มีความเฉพาะมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น เสื้อหนาวไหมพรม, เสื้อหนาวประเทศเกาหลี หรือเสื้อแขนยาวพร้อมที่จะจัดส่ง
- การใช้ Keyword ที่มีความชี้เฉพาะ จะช่วยเพิ่มจังหวะที่จะเปลี่ยนแปลงผู้ชมเว็บ ให้แปลงเป็นลูกค้าได้
2. Keyword ที่ดี ควรจะมีคนรับใช้ค้นหา
- Keyword ที่ดี บางเวลาก็มิได้อยู่ในลักษณะของคำ หรือประโยคที่สะกดถูก แม้กระนั้นมันเป็นคำที่คนส่วนมากชอบใช้ค้นหากันมากยิ่งกว่า
- สมมุติว่าผมอยากทำ SEO สำหรับธุรกิจ หลักสูตรเรียนกราฟิก
- ผมจะเลือกใช้ Keyword คำว่า “เรียนกราฟฟิค” เหตุผลที่ไม่ใช้คำว่า กราฟิก(คำที่สะกดถูก) เพราะผู้ที่ใช้คำว่า เรียนกราฟฟิค สำหรับในการค้นหามีมากยิ่งกว่าคำว่า กราฟิก นั่นเองครับผม
3. มีจำนวนการค้นหา
ต่อจากข้อ 2 เว้นแต่ Keyword จะมีสาวใช้ค้นหาแล้ว ควรมีจำนวนการค้นหาในระดับหนึ่งด้วย เฟสเขียว ซึ่งมีต้นเหตุหลายๆอย่างเข้ามาเกี่ยวเนื่องขึ้นกับชนิดของธุรกิจ แล้วก็ความเฉพาะของผลิตภัณฑ์ เว็บธุรกิจแต่ละจำพวกมีปริมาณการค้นหาแตกต่างกัน
- กลับมาที่หลักสูตรสอนกราฟิกกันอีกครั้ง ผมทราบได้อย่างไรว่า Keyword “เรียนกราฟฟิค” มีคนเสิร์ชมากกว่า “เรียนกราฟิก”
- ผมมีวิธีการเช็คจำนวนการค้นหาอยู่ 3 แนวทางขอรับ
- เช็คด้วยอุปกรณ์ Keyword Planner จาก Google Ads
- เช็คด้วยวัสดุ SEO ที่ผมซื้อเอาไว้ ชื่อว่า Mangools
- เช็คด้วยเครื่องไม้เครื่องมือฟรีจาก Google ที่ใช้แสนง่าย อย่าง Google Trend
4. เป็น Keyword จำพวก High Commercial Intent
Keyword High Commercial Intent นับว่าเป็น Keyword ที่ช่วยทำเงินให้กับธุรกิจของพวกเรามากมายก่ายกอง เพราะว่าเป็นคำที่คนเสิร์ช ยัดเยียดข้อหาปรารถนาของตนลงในคำค้นหาด้วย เช่น
- ที่พัก ชะอำ ติดสมุทร ไม่เกิน 2000
- พรีออเดอร์ ลิป A สี BR420
- พรีออเดอร์ เกม PPP แผ่นประเทศญี่ปุ่น
- จองที่นั่ง ร้านค้า GGG ราคา
- เมื่อพวกเราได้ Keyword ที่เหมาะสมกับเว็บของพวกเราแล้ว ต่อนี้ไปพวกเรามาดูกันเลยว่า ควรจะแก้ไขเว็บยังไงให้ได้คะแนน SEO ดีๆจาก Google!
3 เหตุผลที่เว็บไม่ ติดหน้าแรก Google
ขั้นแรก คุณจึงควรเช็คเว็บของตนก่อนว่า มีอยู่ใน Google Search Engine ใช่หรือไม่ เฟสเขียว เนื่องจากว่าถึงคุณบากบั่นใช้แนวทางต่างๆเพื่อเว็บของคุณมีชั้นดียิ่งขึ้น มันก็ยังดังเดิม แม้ Google ไม่เคยทราบว่าเว็บของคุณมีอยู่จริงใน Search Engine ของ Google
แนวทาง basic สำหรับในการเช็คเว็บของคุณว่ามีตัวตนใช่หรือไม่เป็นเข้าไปใน Google ป้อน “site:ชื่อเว็บของคุณ.com” ( อย่างเช่น site: Fbkings.com ) ใน Search Bar แล้วกดเสิร์ช หรือถ้าเกิดแนวทางที่ผมบอกเมื่อตะกี้ไม่เวิร์ค สามารถเข้าไปอ่านบทความ เพราะเหตุไรหน้าเว็บไซต์ของฉันก็เลยหายไปจาก Google Search พร้อมแนวทางแก้ไขอย่างถี่ถ้วนจาก Google ได้ครับผม
หากตรวจดูเป็นระเบียบ และไม่มีปัญหาอะไรแล้ว พวกเรามาดู 3 เหตุผล ที่เว็บของคุณไม่ ติดอันดับ Google กันเลย
1. เว็บพึ่งจะสร้าง หรือมีการเปลี่ยนใหม่
- เหตุผลแรกที่เว็บคุณไม่ ติดหน้าแรก Google เป็นเมื่อเว็บของคุณเป็นเว็บใหม่ พึ่งมีการเพิ่ม หรือ ปรับปรุงแก้ไขหน้าเว็บใหม่ หากเว็บคุณไม่มีปัญหานี้ ก็สามารถผ่านไปเช็คเหตุผลที่ 2 ได้เลยนะครับ
- ถ้าหากคุณเพิ่งจะสร้างเว็บ หรือหน้าเว็บไซต์ใหม่ คุณจำต้องคอย 1 – 3 เดือน ถึงจะมองเห็นเว็บของคุณในหน้าคำตอบของการค้นหาสำหรับในกรณีที่ให้ GoogleBot เก็บข้อมูล รวมทั้งทำดรรชนีอัตโนมัติ
- ที่จำต้องใช้เวลานานอย่างนี้ ก็เพราะว่า GoogleBot จำต้องกระทำเก็บข้อมูลเว็บ (crawling) และก็ทำดรรชนี (indexing) หน้าเว็บไซต์ต่างๆของเว็บใดเว็บหนึ่ง แล้วไม่ใช่มีเพียงแค่เว็บเดียวด้วย
- แต่ว่าถ้าหากไม่ต้องการรอนาน คุณสามารถส่ง Sitemap หรือส่งคำร้องขอรับการจัดทำดรรชนีให้กับ Google Search Console วิธีการแบบนี้รอคอยโดยประมาณ 1 อาทิตย์ คนก็จะค้นหาเว็บของคุณพบได้แล้ว
- ส่วนในกรณีที่คุณเปลี่ยนแปลงหน้าเว็บไซต์เพื่อมีชั้นสูงมากขึ้น (SEO) นอกเหนือจากที่คุณจำต้องทำตามอย่างคำเสนอแนะจากแหล่งอื่นๆให้ถูกแล้ว คุณก็จะต้องทราบเพราะว่าผลจะไม่ออกมาในทันทีหรอกนะครับ
วิธีการทำ SEO ด้วยตัวคุณเอง หรือด้วยบริการ SEO ของ MakeWebEasy เปรียบได้ดั่งการวิ่งมาราธอนวิ่งไปครั้งละก้าวด้วยความรอบคอบ เพื่อไปให้ถึงเส้นชัย เอาง่ายๆซึ่งมันจะต้องใช้เวลา และก็การดูแลตลอดระยะเวลานั่นเองขอรับ ไม่ว่าจะเกิดเรื่อง content หรือ technical เบื้องหน้าเบื้องหลังก็ตาม
ด้วยเหตุผลดังกล่าวพวกเรามาดูปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่อง technical ต่อในเหตุผลที่ 2 กันนะครับ
2. หน้าเว็บผิดต้องตามแผนการของ Google Search
- Google จะตรวจทุกคอนเทนต์ รวมทั้งการกระทำของเว็บที่ฝ่าฝืนอีกทั้งแนวทาง Google Search ทั้งหมดทั้งปวง และก็หลักการสแปม ด้วยระบบอัตโนมัติ รวมทั้งข้าราชการ (ถ้าเกิดจำเป็นต้อง)
- สำหรับผลปรากฏว่าของการฝ่าฝืนซึ่งก็คือ เว็บจะมีชั้นต่ำยิ่งกว่า ไหมแสดงเลยในผลของการค้นหานั้นเอง
- เว็บที่ฝ่าฝืนแนวทาง Google Search ทั้งปวงโดยมากจะมีการใช้
- ภาพ หรือแนวทางต่างๆที่ก่ออาชญากรรมทางเพศเด็ก
- ข้อมูลส่วนตัวเหลือเกินที่ Google มีความคิดว่าเสี่ยงต่อบุคคล
กรรมวิธีสแปม (คดโกงผู้ใช้ หรือระบบ)
- รายละเอียดที่อาจจะก่อให้กำเนิดความอันตราย หรือแสดงการปองร้ายตัวเอง อาทิเช่น การผลิตรอยแผล หรือการใช้สารเสพติด
- รายละเอียดที่แสดงความรังเกียจ หรือความไม่เสมอภาคด้านสังคม (รวมถึงการใช้คำพูดที่ไม่สุภาพและหยาบคาย)
- รายละเอียดที่มองเห็นตรงกันข้ามกับทางปฏิบัติ รวมทั้งข้อเสนอทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือการแพทย์ที่มีหลักฐานอ้างอิงอย่างเห็นได้ชัด
- รายละเอียดที่โปรโมตผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่มีการควบคุม ตัวอย่างเช่น เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์ สารเสพติด อาหารเสริมที่ไม่ผ่านการยินยอม อาวุธ ดอกไม้เพลิงรวมทั้งประทัด หรือการเดิมพัน ฯลฯ
- หนทางปกป้องเพื่อไม่ให้เว็บของคุณฝ่าฝืนหลักการ Google Searchเป็นคุณควรต้องสำรวจให้รอบคอบในแต่ละข้อความสำคัญที่ผมได้ชี้แจงด้านบน
- แต่ว่าถ้าหากเว็บคุณมีรายละเอียดที่ฝ่าฝืนแผนการไปแล้ว ก็บากบั่นปรับแต่งให้ถูกตามแนวทาง Google Search เพื่อทำให้เว็บคุณ ติดหน้าแรก Google ได้ครับ
3. หน้าเว็บไม่เอื้อต่อการค้นหา
เหตุผลท้ายที่สุดที่เพราะอะไรเว็บไม่ เฟสเขียว ติดหน้าแรก Googleหมายถึงหน้าเว็บของพวกเรามิได้เอื้อต่อการค้นหา ซึ่งมี 7 ข้อสำคัญๆ
ไม่สอดคล้องกับ Search Intent
Search Intentเป็นศัพท์ หรือกลุ่มคำที่คนจะใช้สำหรับการค้นหาคำตอบในระบบค้นหาออนไลน์ต่างๆรวมทั้งในที่นี้เป็น ดูหนังออนไลน์ ชัด เครื่องไม้เครื่องมือค้นหา Google (Google Search Engine)
การที่พวกเราไม่ใส่ใจสำหรับการทำให้ content ของพวกเราสอดคล้องกับ Search Intent ของคน แปลว่าพวกเรากำลังลดช่องทางที่เว็บของพวกเราจะติดอันดับแรกๆในผลของการค้นหา
ในทางตรงกันข้าม แม้พวกเราทำให้ content ของพวกเราใส่ลำคลองกับ Search Intent ก็มีความหมายว่า พวกเรากำลังทำให้หน้าเว็บของพวกเราจะติดอันดับสูงๆนั่นเองขอรับ
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ปริศนาก็คือ “พวกเราสามารถทราบดีว่าคนจะค้นหาอะไรได้ยังไง?” คำตอบเป็นพวกเราจำเป็นต้องทำความรู้จักกับ Search Intent ทั้งยัง 4 ชนิดกันก่อน
เชิงข้อมูล (Informational) – เป็น Search Intent ที่คนต้องการจะทราบคำตอบ ซึ่งเกี่ยวกับปริศนา what why where when who รวมทั้ง how ฯลฯนอกเหนือจากการใส่ข้อมูลบนหน้าเว็บแล้ว การเขียนบล็อกให้ความรู้ความเข้าใจ นับว่าเป็นหนทางที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับ Search Intent เลยขอรับ
เชิงการบอกทาง (Navigational) – เป็น Search Intent ที่คนจะค้นหาเว็บนั้นๆโดยยิ่งไปกว่านั้น ผ่านช่องค้นหาใน Search Engine แทนการพิมพ์ URL ไปเลยตรงๆตัวอย่างเช่น การพิมพ์คำว่า makewebeasy บน Google แทนที่จะพิมพ์ URL (https://www.Fbkings.com)
เชิงการค้า (Commercial) – เป็นอีกชนิดหนึ่งของ Search Intent ของผู้ที่อยากช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเหตุนี้ตรวจทานให้มั่นใจว่าคุณได้อัพเดทสต๊อกผลิตภัณฑ์บนหน้าเว็บไซต์ของคุณ รวมทั้ง third-party เสมอ พร้อมโปรโมชั่นที่คุณกำลังเริ่มจะมีอยู่ด้วยขอรับ
เชิงการแปลผัน (Transactional) – เป็น Search Intent ที่คนต้องการจะทำกิจกรรมอะไรบางอย่าง ซึ่งส่งผลให้เกิด conversions เป็นต้นว่า มีคนกรอกแบบฟอร์มในเว็บคุณ มีคนกด CTA (โทร สั่งซื้อ อื่นๆอีกมากมาย) บนเว็บคุณ หรือมี traffic จากแหล่งอื่น เพราะเหตุว่ามีคนต้องการรู้จะเว็บของคุณ ฯลฯ